เทคนิคการใช้เพลงประกอบการสอน
เพลง หมายถึง สำเนียงขับร้อง,ทำนองดนตรี (ราชบัณฑิตยสถาน,2542:799)
สนอง อินละคร (2544: 108) กล่าวว่า เพลงเป็นกิจกรรมที่ผู้จัดให้กับนักเรียนได้เรียนรู้
ชัยวัฒน์ เหล่าสืบสกุลไทย (2549: 16) อธิบายว่า เพลง หมายถึง สำเนียงขับร้อง ทำนองดนตรีที่เรากระทำขึ้นเพื่อสนองความต้องการทางด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ตลอดจนเพื่อเป็นกิจกรรมทางสังคมอีกด้วย
สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์ (2550: 29) กล่าวว่า การใช้เพลงประกอบการสอน หมายถึง การนำเพลงมาให้นักเรียนร้อง หรือครูร้องให้นักเรียนฟัง เพื่อนำเข้าสู่บทเรียนหรือทำกิจกรรมของบทเรียน หรือเพื่อสรุปบทเรียนให้นักเรียนได้จดจำเนื้อหาที่เรียนได้
วัตถุประสงค์ของการใช้เพลงประกอบการสอน
วัตถุประสงค์ของการใช้เพลงประกอบการสอน มีหลายประการที่สำคัญ ได้แก่
1. เพื่อสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานไม่เครียดและเอื้อต่อการเรียนรู้
2. เพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
3. เพื่อสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ผ่านทางเนื้อร้องและความหมายของเพลง
4. เพื่อช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์
ประโยชน์ของเพลงประกอบการสอน
เจนเซน (Jensen,2009: 150) กล่าวถึงความสำคัญของดนตรีว่าหากครูนำมาใช้ในชั้นเรียนทำให้บรรยากาศการเรียนรู้มีมิตรภาพมากขึ้น และเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน
สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์ (2550: 29-30) กล่าวว่า การใช้เพลงประกอบการสอนจะช่วยทำให้บทเรียนน่าสนใจ สนุกสนานเพลิดเพลิน ช่วยสร้างแรงจูงใจให้แก่นักเรียนในการเรียน ช่วยให้จดจำเนื้อหาและประทับความรู้สึกไว้ได้นาน และช่วยทำให้บทเรียนยากดูง่ายขึ้น การใช้เพลงประกอบการสอนในระดับประถมศึกษามีประโยชน์มาก เพราะเด็กในวัยนี้ชอบเล่น ชอบแสดง ชอบร้องเพลง และนอกจากนี้ การใช้เพลงประกอบการสอนยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทุกด้านของเด็ก ช่วยเสริมสร้างให้เด็กมีระเบียบวินัย มีประสบการณ์กว้างขวางและช่วยสร้างสัมพันธภาพอย่างเป็นกันเองระหว่างครูกับนักเรียน
ลักษณะของเพลงประกอบการสอน
ลักษณะของเพลงประกอบการสอนต้องมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับบทเรียนหรือเกี่ยวกับการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์แก่นักเรียน
สุนันทา สุนทรประเสริฐ (ม.ป.ป.:2) กล่าวถึงลักษณะของเพลงที่นำมาใช้ประกอบการสอน ดังนี้
1. เป็นทำนองเพลงลูกทุ่งที่นักเรียนสามารถฟังจนติดหู หรือร้องจนติดปากแล้ว
2. แต่งเป็นบทร้อยกรองสุภาพ หรือกาพย์ยานี 11 แล้วนำมาใส่ทำนองเป็นเพลงไทยเดิมที่สนุก ๆ
3. มีเนื้อหาของเรื่องที่จะสอนสอดแทรกไว้ในเพลงทุกเพลง
4. เพลงที่ใช้ส่วนใหญ่มีเนื้อร้องสั้น ๆ ไม่ยาวจนเกินไป
5. เน้นความไพเราะสนุกสนานเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนไม่ให้เคร่งครัด
6. หลังจากร้องเพลงจบแล้ว จะมีการอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหาหรือปัญหาที่น่าคิดจากเนื้อเพลง
การใช้เพลงประกอบการเรียนการสอนนั้น ครูจะต้องคำนึงถึงเนื้อหาของบทเพลงที่เหมาะสมกับวัยและความต้องการของนักเรียน ศิริพร หงส์พันธุ์ (2540: 257-258) กล่าวว่า ในต่างประเทศมีผู้ให้ความเห็นว่า เด็กจะรู้สึกสนุกสนานที่ได้ร้องเพลง ดังต่อไปนี้
1. บทเพลงเกี่ยวกับบ้านและโรงเรียน
2. บทเพลงเกี่ยวกับคน โดยเฉพาะเพลงที่เด็ก ๆ สามารถเติมชื่อของตนเอง หรือชื่อของเพื่อน ๆ ลงไปได้
3. บทเพลงที่เด็กได้มีโอกาสปรบมือ ทำจังหวะ และแสดงท่าทางต่างๆ
4. บทเพลงที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งได้ยินมาจากโทรทัศน์ วิทยุ หรือจากการชมภาพยนตร์
5. บทเพลงเกี่ยวกับเทศกาล ฤดูกาล และวันพักผ่อนต่างๆ
เทคนิคการใช้เพลงประกอบการสอน
สุนันทา สุนทรประเสริฐ (ม.ป.ป.: 3-4) กล่าวว่า การนำกิจกรรมเพลงที่มาใช้ในกิจกรรมการเรียน กระทำได้หลายโอกาส คือ
1. การใช้นำเข้าสู่บทเรียน เพื่อเป็นการจูงใจและหันเหความสนใจของนักเรียนมาสู่บทเรียนที่ครูกำลังจะสอน
2. การใช้เพลงดำเนินการสอน จะใช้เพลงเป็นตัวหลักสำคัญในการจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
3. การใช้เพลงในการสรุปบทเรียน เพื่อทบทวนเนื้อหาที่ได้เรียนเป็นการย้ำซ้ำเตือนอีกครั้งหนึ่ง
4. การใช้เพลงสำหรับฝึก ซึ่งจะเป็นการฝึกให้ออกเสียงหรือย้ำให้เกิดความแน่ใจอีกครั้งหนึ่ง
5. ใช้เพลงในการวัดผลและประเมินผล โดยการใช้เพลงเป็นส่วนประกอบในการวัดผล
ศิริพร หงส์พันธุ์ (2540: 258) ได้ให้ข้อเสนอแนะในการสอนบทเพลงว่า ครูควรจัดบทเพลงประกอบการสอนให้เข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนอย่างเหมาะสม เพราะการใช้บทเพลงประกอบการสอนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เด็กสนใจบทเรียน และรู้สึกสนุกสนาน ไม่เบื่อหน่ายในการใช้เพลงประกอบการสอนนั้น ครูต้องมีวิธีที่จะทำให้เด็กสนใจและร้องเพลงได้ และควรเลือกเพลงที่เหมาะสมกับวัยของเด็กด้วย
ดนู จีระเดชากุล (2541: 110-111) อ้างถึงในชัยวัฒน์ เหล่าสืบสกุลไทย,2549: 23) กล่าวถึงข้อควรคำนึงในการสอนร้องเพลงสำหรับเด็กไว้ ดังนี้
1. เด็กทุกคนมีพัฒนาการและภาวะความพร้อมทางร่างกายและจิตใจแตกต่างกันครูจึงควรเข้าใจ ไม่คาดหวังความสามารถของเด็กว่าจะร้องเพลงได้เหมือนกันทุกคน
2. เพลงสำหรับเด็กควรเป็นเพลงง่ายๆ เริ่มต้นจากเพลงที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหรือสิ่งที่เด็กได้รู้จักพบเห็นในชีวิตประจำวันหรือเกี่ยวข้องกับตนเอง
3. การสอนเพลงในแต่ละครั้ง ไม่ควรสอนเพลงหลายเพลงมากจนเกินไป
ชัยวัฒน์ เหล่าสืบสกุลไทย (2549: 21-22) กล่าวถึง หลักและวิธีการสอนเพลง ดังนี้
1. ครูมีความมั่นใจในตัวเอง
2. ครูจะต้องร้องเพลงให้ฟังก่อน เพื่อให้นักเรียนได้ฟังทำนอง จังหวะ เนื้อร้องหรือจับเค้าเพลงที่ร้องให้ได้ก่อน ควรร้องให้ฟัง 1-2 เที่ยว
3. ครูควรให้นักเรียนร้องตามทีละวรรค
4. ครูควรเลือกเพลงสั้น ๆ เพื่อจะได้จำง่าย
5. ครูต้องให้สัญญาณเพื่อจะให้ทุกคนได้เริ่มร้องเพลงพร้อมๆ กัน
6. ครูต้องควบคุมจังหวะเพลงได้ดี อาจใช้การปรบมือ การตีกลอง ซึ่งบางครั้งเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน
7. ครูควรเลือกเพลงที่มีจังหวะง่ายแก่การร้อง
8. ครูควรสอนเพลงด้วยน้ำเสียง ท่าทาง และมีอารมณ์สอดคล้องกับบทเพลงที่สอนและควรแสดงความสนใจนักเรียนด้วยการสบตากับนักเรียนให้ทั่ว
สิริพัชร์ เจษฎาวิโรจน์ (2550: 30) กล่าวว่า ในการใช้เพลงประกอบการสอนนั้นครูอาจใช้ในขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ขั้นทำกิจกรรมการเรียนการสอน หรือขั้นสรุปก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและอยู่ในดุลยพินิจของครู และในการร้องเพลงครูอาจเป็นคนร้อง หรือให้นักเรียนร้อง หรือเปิดเทปบันทึกเสียงให้ฟังก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมสนทนาถึงสาระสำคัญของเนื้อเพลง หรือข้อคิดข้อเตือนใจที่ได้จากเพลง หรือให้นักเรียนทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหลังจากที่ได้ฟังเพลงแล้วด้วยก็ได้