ความหมายของคำว่า “นำ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2542 หมายถึง เริ่มต้นโดยมีผู้อื่นหรือสิ่งอื่นตาม ดังนั้น คำว่า “นำเข้าสู่” ก็เป็นการเริ่มต้นเพื่อไปสู่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ส่วนคำว่า “บทเรียน” หมายถึง คำสอนที่กำหนดให้เรียน (ราชบัณฑิตยสถาน,2546:578,602) ดังนั้น “การนำเข้าสู่บทเรียน” หมายถึง การเริ่มต้นเพื่อไปสู่เนื้อหาสาระหรือคำสอนที่กำหนด ให้เรียน
เทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียน หมายถึง กลวิธีต่าง ๆ ที่ครูใช้ในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อเตรียมตัวนักเรียนก่อนเริ่มเรียน และก่อนที่ครูจะสอนเนื้อหาทุกวิชาซึ่งเป็นการเตรียมนักเรียนให้รู้ว่ากำลังเรียนเรื่องอะไร สามารถนำเอาความรู้และทักษะที่นักเรียนมีอยู่เดิมมาสัมพันธ์กับบทเรียนที่ครูกำลังจะสอนได้ โดยการหากิจกรรมที่เร้าความสนใจของนักเรียนแล้วเชื่อมโยงไปสู่บทเรียน ซึ่งจะทำให้นักเรียนเข้าใจบทเรียนได้ดียิ่งขึ้น
การนำเข้าสู่บทเรียนเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และหากกิจกรรมนี้เริ่มต้นได้ไม่ดี กิจกรรมการเรียนการสอนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ได้รับผลกระทบด้วย การนำเข้าสู่บทเรียนมีวัตถุประสงค์หลายประการ ได้แก่
สุวรรณี ศรีคุณ (2527: 187 อ้างถึงใน อินทิรา บุณยาทร, 2542: 218) กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการนำเข้าสู่บทเรียน ก็เพื่อเร้าความสนใจของนักเรียนให้นักเรียนมีความคิดว่ากำลัง่เรียนเรื่องอะไร และสามารถนำเอาความรู้และเทคนิคเดิมที่มีอยู่มาสัมพันธ์กับเรื่องที่เรียนก็จะทำให้เข้าใจบทเรียนใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เสริมศรี ลักษณศิริ (2540: 319) อธิบายว่า กิจกรรมการนำเข้าสู่บทเรียนเป็นกิจกรรมที่ครูเมื่อเริ่มต้นการสอน มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียนมาอยู่ที่การสอนของครู และเป็นการเตรียมนักเรียนให้มีสมาธิในการฟังเรื่องที่ครูจะสอน เป็นการทำให้นักเรียนเข้าใจความหมายของบทเรียนชัดเจนยิ่งขึ้น นักเรียนรู้ว่าต่อไปจะเรียนเรื่องอะไร และสามารถนำเอาความรู้และเทคนิคที่นักเรียนมีอยู่เดิมมาสัมพันธ์กับบทเรียนที่ครูจะสอนต่อไปได้ การนำเข้าสู่บทเรียนอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยทำให้วัตถุประสงค์ของการเรียนนั้น ๆ ชัดเจนขึ้นเพราะนักเรียนถูกดึงให้เข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนด้วย
กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนมีวัตถุประสงค์เพื่อเร้าความสนใจของนักเรียนหรือดึงดูดความสนใจขงนักเรียนมาอยู่ที่การสอนของครู และเป็นการเตรียมนักเรียนให้มีสมาธิในการฟังเรื่องที่ครูจะสอน นักเรียนรู้ว่าต่อไปจะเรียนเรื่องอะไร และสามารถนำเอาความรู้และทักษะเดิมที่มีอยู่มาสัมพันธ์กับบทเรียนใหม่ ซึ่งทำให้นักเรียนเห็นแนวทางในการเรียนรู้ และจะทำให้นักเรียนเข้าใจบทเรียนใหม่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ประโยชน์ในการนำเข้าสู่บทเรียน
พึงใจ สินธวานนท์ และคณะ, 2520:349 อ้างถึงใน เสริมศรี ลักษณศิริ,2540:319)
1. สามารถเรียกร้องความตั้งใจของนักเรียนให้พร้อมที่จะเรียน
2. สามารถเร้าและจูงใจให้นักเรียนคงความสนใจในบทเรียน
3. สามารถบอกลักษณะและวิธีการสอนของเรื่องที่จะเรียนได้
4. สามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมกับเรื่องที่จะเรียนต่อไปได้
เฉลิม มลิลา (2526: 12) กล่าวถึงคุณค่าและประโยชน์ของการนำเข้าสู่บทเรียน ดังนี้
1. ช่วยให้นักเรียนเกิดความพร้อมในการเรียนรู้
2. ช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ประสบการณ์ได้อย่างมีความหมาย และโดยง่ายยิ่งขึ้น
3. ช่วยกระตุ้นนักเรียนให้เกิดความสนใจ ใฝ่รู้ และเรียนด้วยความสนุกสนาน
4. เป็นการปูพื้นฐานความรู้ ความคิด และแนวทางการประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนประสบการณ์ใหม่ระหว่างครูและนักเรียนในเบื้องต้น
5. เป็นสื่อเชื่อมโยงสัมพันธภาพที่ดีระหว่างนักเรียนครูก่อนดำเนินการสอนในขั้นต่อไป
6. ช่วยให้นักเรียนเกิดมโนทัศน์ (concepts) ที่ดีและถูกต้อง
7. เป็นวิธีการเชื่อมโยงประสบการณ์เดิมกับประสบการณ์ใหม่ให้มีความสัมพันธ์หรือต่อเนื่องกันอย่างมีความหมาย
8. ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ การทำกิจกรรม และการมีสุขภาพจิตที่ดีของทั้งนักเรียนและครู
9. ช่วยทำให้นักเรียนสามารถทำความเข้าใจบทเรียนได้ดีและรวดเร็วขึ้น
10. ช่วยพัฒนาทัศนคติในการเรียนที่ดีให้กับนักเรียน
11. เป็นช่องทางช่วยผ่อนแรงในการสอนของครู ให้สามารถกระทำได้โดยง่าย รวดเร็ว และได้ผลดีตรงตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้
12. ผลป้อนกลับ (Feedback) จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน นับเป็นปัจจัยที่ช่วยในการปรับปรุงทักษะและวิธีการนำเข้าสู่บทเรียนของครูในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการใช้กิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน
ศักดิ์ศรี ปาณะกุล และคณะ (2549:167) ได้แนะนำสถานการณ์เฉพาะที่ควรใช้ทักษะการนำเข้า
สู่บทเรียน ดังนี้
1. เมื่อเริ่มเรื่องหรือเริ่มบทเรียนใหม่ เพื่อโยงเข้าสู่เรื่องที่จัดการเรียนรู้
2. เมื่อจะมอบหมายการบ้านหรือการทำงาน เพื่อแนะนำวิธีการทำงานนั้น
3. เมื่อเตรียมการอภิปราย เพื่อแนะนำให้นักเรียนดำเนินการได้ตรงตามเป้าหมาย
4. ก่อนที่จะให้นักเรียนดูภาพยนตร์ ภาพนิ่ง วีดิทัศน์ ฟังวิทยุและเทป เพื่อแนะนำให้นักเรียนจับประเด็นของเรื่องที่ดูหรือฟังนั้นได้
เฉลิม มลิลา (2526: 15) ได้ให้รายละเอียดของช่วงเวลาในการนำเข้าสู่บทเรียน ดังนี้
1. ใช้เมื่อจะเริ่มต้นบทเรียน หรือเริ่มเรื่อง
2. ใช้นำก่อนอธิบายและซักถามเนื้อหา
3. ใช้นำก่อนการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และสรุปความสัมพันธ์แนวความคิด หรือเนื้อหาสำคัญ
4. ใช้เพื่อเตรียมการอภิปราย
5. ใช้นำเพื่อสื่อความหมาย จุดประสงค์ และวิธีการประกอบกิจกรรมของนักเรียนที่ครูกำหนดให้ทำ
6. ใช้นำเมื่อจะใช้เทคนิคการสอนแบบศูนย์เรียน
7. ใช้นำเมื่อจะใช้สื่อการเรียนการสอน
8. ใช้ก่อนที่จะเสนอแนะให้นักเรียน เรียนบทเรียนจากภาพสไลด์ แผนที่ ฟิล์มสตริพ ภาพยนตร์ วิทยุ และโทรทัศน์
9. ใช้เพื่อสื่อแนวความคิด และวิธีการทำงานที่ได้รับมอบหมายเป็นแบบฝึกหัดหรือการบ้าน และงานค้นคว้านอกเวลา ฯลฯ
10. ใช้เพื่อนำการแสดงบทบาท เล่าเรื่อง รายงาน หรือการสาธิตประสบการณ์ของนักเรียน เป็นคณะหรือรายบุคคล
การเตรียมตัวเพื่อจัดกิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียน
ในการเตรียมกิจกรรมการนำเข้าสู่บทเรียน ครูควรรู้ข้อมูล เทคนิค วิธีการที่สำคัญ
บางประการ เพื่อใช้ในการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมและเพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมให้ได้อย่างดีที่สุด
สุวรรณี ศรีคุณ (2527:187 อ้างถึงใน อินทิรา บุณยาทร,2542:218) กล่าวถึงเวลาที่
ใช้ในการนำเข้าสู่บทเรียน ถ้าช่วงเวลาที่สอน 50-60 จะใช้เวลาทำกิจกรรมนำเข้าสู่บทเรียนประมาณ
5-10 นาที ซึ่งครูควรเตรียมการในกิจกรรม ดังต่อไปนี้
1. ศึกษาเนื้อเรื่องที่จะสอน และพิจารณาเลือกกิจกรรมให้เหมาะสม
2. ศึกษากิจกรรมที่จะนำมาใช้ให้เข้าใจวิธีการ เช่น การเล่านิทานโดยใช้หุ่นก็ต้องรู้วิธีการ
เชิดหุ่นให้สนุก เป็นต้น
3. ควรรู้ประสบการณ์หรือความรู้เดิมของนักเรียน เพื่อหาวิธีการให้นักเรียนสนใจยิ่งขึ้น
เพราะถ้าไม่มีประสบการณ์เดิมเลย การเชื่อมโยงความรู้ก็จะทำไม่ได้
เสริมศรี ลักษณศิริ (2540:321) ได้เสนอข้อเสนอแนะนำการนำเข้าสู่บทเรียนไว้
สอดคล้องกับข้างต้น ดังนี้
1. ครูควรรู้ประสบการณ์ หรือความรู้เดิมของนักเรียนเพื่อหาวิธีการที่ทำให้นักเรียนสนใจ
2. ศึกษาเรื่องที่จะสอน แล้วพิจารณาเลือกกิจกรรมนำเข้าสู่หน่วยให้ผสมกลมกลืนกัน
3. ศึกษากิจกรรมที่จะนำมาใช้ให้ถ่องแท้ เช่น จะเล่านิทานก็ต้องจำเรื่องราวของนิทานให้
แม่นยำ ใช้สำนวนภาษาของบทสนทนาในเรื่องให้สนุกสนาน
เทคนิคการนำเข้าสู่บทเรียน
เสริมศรี ลักษณศิริ (2540:32) กล่าวว่า การนำเข้าสู่บทเรียนอาจจะทำได้ ดังต่อไปนี้ คือ
1. ใช้อุปกรณ์ที่สัมพันธ์กับเนื้อหาวิชา เช่น ใช้ของจริง หุ่น รูปภาพ เป็นต้น
2. ให้นักเรียนทำกิจกรรมที่สัมพันธ์กับบทเรียน
3. สนทนาซักถามแล้วเชื่อมโยงไปยังเรื่องที่จะสอน
4. ร้องเพลง หรือเล่นละคร หรือการแสดงบทบาทสมมติ
5. ตั้งปัญหา ทายปัญหา
6. ทบทวนบทเรียนเดิมที่สัมพันธ์กับบทเรียนใหม่
7. เล่านิทาน เล่าเรื่องราว เล่าเหตุการณ์ใหม่ ๆ
8. สาธิต ทดลอง เพื่อนำเข้าสู่เรื่องที่จะสอน เช่น ครูอาจเรียกเด็กหลายคนออกมาสาธิตการไหว้แบบต่าง ๆ การทำความเคารพ เพื่อเชื่อมโยงเข้ากับการสอนเรื่องวิธีทำความเคารพ เป็นต้น
ตัวอย่าง การนำเข้าสู่บทเรียนโดยการใช้คำถาม
ครู : การเคลื่อนที่ เราเรียนมา เรารู้อะไรบ้างครับ การเคลื่อนที่จะมี การเคลื่อนที่ใน
เส้นตรงจริงไหม อะไรที่ถือว่าเป็นการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง ยกตัวอย่างใครจะแสดง
ความคิดเห็น การเคลื่อนที่ แบบเส้นตรง ยกตัวอย่างใครจะแสดงความคิดเห็น การ
เคลื่อนที่แบบเส้นตรง แล้วก็การเคลื่อนที่แบบวิถีโค้งคือโปรเจกไทล์ใช่ไหมครับ ถ้า
เป็นเส้นตรง เป็นเส้นตรงก็จะอยู่ในเส้นตรง...ให้นักเรียนยกตัวอย่าง การเคลื่อนที่แบบ
เส้นตรง
นักเรียน : รถวิ่งทางตรง
ครู : รถวิ่งทางตรง ทำไมถึงบอกว่า รถวิ่งทางตรง เป็นการเคลื่อนที่แบบเส้นตรงเพราะมัน
เคลื่อนที่โดยเส้นตรงเหรอ
นักเรียน : มันเป็นมิติเดียว
ครู : มิติเดียว แหม! พูดเชิงมิติ ลูก เพื่อนงง คำว่ามิติเดียวเป็นไงครับ คือ เอาให้ชัดเจนซิ
หากินได้จากเส้นตรงมิติเดียวนั้นแหละ แล้วตกลงมันคืออะไรครับ มันเป็นยังไง เป็น
การเคลื่อนที่ที่มันเป็นอย่างไรครับ ติ๊กตอก ติ๊กตอก เป็นเส้นตรงแล้วกัน เหมือนเรา
วิ่งร้อยเมตร มันเป็นยังไงครับ
นักเรียน : เหนื่อย
ครู : เออ! เข้าใจตอบ มันไม่เปลี่ยนทิศทาง ก็คือการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง คือ การ
เคลื่อนที่ที่ไม่เปลี่ยนทิศทางไง เราย้ำกันหลายรอบใช่ไหม ถ้ามะม่วงร่วงลงจากต้น
เป็นการเคลื่อนที่แบบเส้นตรงไหม เป็นหรือไม่เป็น
นักเรียน : เป็น
ครู : เป็นนะ ก็มันไม่เปลี่ยนทิศทาง แต่เป็นการเคลื่อนที่แนวเส้นตรงในแนวไหน
นักเรียน : แนวดิ่ง
ครู : เพราะฉะนั้นเราจะเห็นการเคลื่อนที่แบบเส้นตรง มีทั้งแนวระดับและแนวดิ่ง ถ้าแนว
ระดับการเคลื่อนที่ปกติโดยการไม่เปลี่ยนทิศทาง เช่น รถวิ่งแนวเส้นตรง ก็คือวิ่งโดย
ไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง เช่น ไม่เข้าโค้ง ไม่เข้าวงกลมอะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นมะม่วง
ทำไมมันร่วงทำไมรู้ไหม
นักเรียน : มันสุก (หัวเราะ)
ครู : มันสุก เออใช่
นักเรียน : มันเน่า (นักเรียนหัวเราะ)
ครู : มันสุก มันเน่าดี มีความคิดสร้างสรรค์ ปรบมือให้หน่อยซิ มาเห็นแววตอนนี้นี้แหละ คือ
มันจะร่วงด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ มันตกลงมาสู่โลกเพราะโลกมีอะไร
กระทำต่อมะม่วง
นักเรียน : แรงโน้มถ่วง
ครู : แรงโน้มถ่วงเป็นแรงดึงดูดที่กระทำต่อมวลของวัตถุ ก็ตกลงมาด้วยแรง g ซึ่ง g ตัว
นี้เป็นความเร่งในแนวดิ่ง (ครูหันไปเขียนรูปในกระดาน)
เพราะฉะนั้นในการเคลื่อนที่แนวระดับ เช่นเราเรียนก็คือ F = ma F คือ แรง m คือมวล g คือความเร่งวัตถุเคลื่อนที่ได้เพราะมีแรงกระทำต่อวัตถุ วัตถุเคลื่อนที่ไป แต่มวลมันต่อต้านการเคลื่อนที่ เข้าใจไหมครับคำว่าการต่อต้าน หมายความว่ายังไง ถ้ามวลมันเยอะการเคลื่อนที่ก็ไปได้ช้า นี่เราเรียกว่าการต่อต้าน เพราะฉะนั้น การเคลื่อนที่แนวเส้นตรง นั้นก็คือการเคลื่อนที่ในแนวระดับและแนวดิ่ง
ที่มา : วีดิทัศน์การสอนครูธนภณ ธรรมรัตน์ (ครูดีในดวงใจ ปี พ.ศ.2551)
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเบญจมราษฎร์รังสฤษฏ์ 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2551